วันนี้เป็นวันแรกที่การสั่งซื้อ Kia Tasman เริ่มขึ้น พร้อมกับการเปิดเผยราคาที่หลายคนรอคอย ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีราคาที่แข่งขันได้มากกว่าที่คาดไว้ ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดรถปิกอัพพรีเมียมในประเทศ.
สำหรับรุ่นพื้นฐาน Dynamic เริ่มต้นที่ 3,750,000 บาท (ประมาณ 110,000 USD) รุ่น Adventure ราคา 4,110,000 บาท (ประมาณ 115,000 USD) และรุ่น Extreme ราคา 4,490,000 บาท (ประมาณ 130,000 USD) สำหรับรุ่น X-Pro ที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ออฟโรด ราคาจะอยู่ที่ 5,240,000 บาท (ประมาณ 150,000 USD).
ข้อมูลจาก Kia ระบุว่า Tasman มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้กำลังสูงสุด 281 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 43.0 kg.m โดยมีอัตราการใช้น้ำมันรวมอยู่ที่ประมาณ 8.6 กม./ลิตร ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในกลุ่มรถปิกอัพราคา 3-4 ล้านบาท พร้อมทั้งการขับขี่ที่นุ่มนวลและการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น.
Tasman ยังมีความสามารถในการลากจูงสูงสุดถึง 3,500 กิโลกรัม โดยมีโหมดการลากที่ปรับเปลี่ยนตามน้ำหนักที่ลาก และตำแหน่งของช่องดูดอากาศถูกติดตั้งที่ด้านข้างของตัวรถเพื่อให้สามารถขับขี่ในน้ำลึกได้ถึง 800 มม.
ส่วนตัวแล้ว ฉันมีความหวังสูงสำหรับรุ่น X-Pro เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ออฟโรด โดยมีระยะห่างจากพื้นดินสูงกว่ารุ่นพื้นฐาน 28 มม. พร้อมกับยางออลเทอเรนที่ช่วยให้การขับขี่ในเส้นทางที่ท้าทายมีความมั่นคง.
ระบบ 4WD ที่ติดตั้งใน Kia Tasman ยังมีฟังก์ชัน "โหมดออโต้เทอเรน" ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามสภาพถนน เช่น ทราย, โคลน, หรือหิมะ รวมไปถึงระบบล็อคดิฟเฟอเรนเชียลไฟฟ้า (e-LD), ระบบรักษาความเร็วต่ำ X-TREK, โหมดเทอเรน Rock สำหรับภูมิประเทศที่เป็นภูเขา และมอนิเตอร์มุมมองพื้นดินที่แสดงสภาพพื้นผิวใต้รถในหน้าจออินโฟเทนเมนต์.
ภายในรถยังมีหน้าจอแสดงผลที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ ผ่านทางหน้าจอออฟโรดที่มีให้ในรุ่น X-Pro.
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความสะดวกสบาย เช่น จอแสดงผลพาโนรามิคไวด์ที่ใช้เทคโนโลยี ccNC, ระบบเสียง Harman Kardon, โต๊ะคอนโซลพับได้, และระบบชาร์จไร้สายแบบคู่ รวมถึงที่นั่งในแถวที่ 2 ที่สามารถปรับเอนได้และเลื่อนได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในให้สูงสุด.
นอกจากนี้ ยังมีบานพับที่เปิดประตูแถวที่ 2 ได้กว้างถึง 80 องศา และมีถาดขนาด 29 ลิตรใต้ที่นั่งแถวที่ 2 เพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บ.
พื้นที่บรรทุกสูงสุดของ Tasman อยู่ที่ประมาณ 1,173 ลิตร และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุดถึง 700 กิโลกรัม โดยมีความยาวของเตียงที่ 1,512 มม. และความกว้างที่ 1,572 มม. ขณะที่ความกว้างของซุ้มล้ออยู่ที่ 1,186 มม. นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น กันสาดแบบเดี่ยวและคู่ บาร์กีฬา ปกเตียง เตียงเลื่อน และขั้นบันไดข้าง ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน.
ในด้านฟีเจอร์การขับขี่ รถยังมาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ใช้การตรวจจับจากมือจับพวงมาลัย, ระบบ HDA ที่ใช้ข้อมูลจากระบบนำทาง, ระบบช่วยป้องกันการชนขณะจอด, และกล้องเตือนผู้ขับขี่ให้ระวังด้านหน้า ซึ่งเป็นระบบช่วยผู้ขับขี่ที่ทันสมัยหลายอย่าง.
การตั้งราคาที่แข่งขันได้เริ่มต้นที่ 3,750,000 บาท (ประมาณ 110,000 USD) พร้อมกับโปรแกรมที่ช่วยลดภาระการซื้อในช่วงแรก โดยสำหรับลูกค้าทั่วไปและเจ้าของธุรกิจที่สั่งซื้อภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ จะมีโปรแกรมผ่อนชำระ "365 Light Installment" ที่ให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยในปีแรก และผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในระยะเวลา 2 ปีถัดไป และยังมีโปรแกรม "Tasman Double Care Program" ที่มอบคูปองมูลค่า 10,000 บาท (ประมาณ 300 USD) สำหรับลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อภายในเดือนมีนาคม.
Kia Tasman ที่มีการออกแบบที่โดดเด่นและมีคุณภาพสูง พร้อมทั้งมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคา เริ่มเปิดให้สั่งซื้อนับเป็นข่าวดีที่น่าตื่นเต้นนี้ และเราจะนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมในงานแถลงข่าวครั้งต่อไป.