เทสลาวางแผนที่จะกำจัดเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกออกจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และใช้เพียงกล้องเท่านั้น สื่อต่างประเทศรายงานว่า เทสลาจะเริ่มถอดเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกออกจากรถยนต์รุ่น Model 3 และ Model Y ตั้งแต่เดือนนี้ และจะเริ่มขายรถยนต์รุ่น Model S และ Model X ที่ไม่มีเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกในอนาคต

เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกทำงานคล้ายกับค้างคาว ค้างคาวปล่อยคลื่นอัลตราโซนิกและตรวจจับคลื่นที่สะท้อนกลับมาเพื่อระบุเหยื่อหรือสิ่งกีดขวาง เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกใช้ในการตรวจจับสิ่งกีดขวางที่อยู่ใกล้หรือวัดระยะทาง โดยมักใช้ในการจอดรถและเป็นอุปกรณ์ที่มีมาก่อนยุคการขับขี่อัตโนมัติ

รถยนต์เทสลามีเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัวติดตั้งอยู่ที่กันชนหน้าและหลัง บริษัทเชื่อว่าเทคโนโลยีการรับรู้ภาพจากกล้องเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอสำหรับการวัดระยะทางแล้ว

เทสลาแจ้งว่าการถอดเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกออกจะส่งผลให้ฟังก์ชันบางอย่างถูกจำกัด เช่น ระบบช่วยจอด ระบบจอดอัตโนมัติ และระบบเรียกรถ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะคืนฟังก์ชันเหล่านี้ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไร้สายในภายหลัง นอกจากนี้ บริษัทยืนยันว่าการถอดเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกจะไม่ส่งผลกระทบต่อระดับความปลอดภัยจากการชน

เทสลาเคยถอดเซ็นเซอร์เรดาร์ออกไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทเชื่อว่าสามารถบรรลุการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบได้ด้วยการใช้กล้องเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบรรลุระดับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ขึ้นไปได้

เทสลามีนโยบายเพิ่มการใช้ระบบ ADAS แบบใช้กล้อง ระบบวิชั่นของเทสลาใช้กล้อง 8 ตัวและระบบประมวลผลแบบนิวรอน บริษัทเน้นย้ำเทคโนโลยีการรับรู้ความลึกของวัตถุโดยใช้เพียงกล้องโดยไม่ใช้เรดาร์หรือไลดาร์ เทสลาเริ่มใช้ระบบนี้กับรถยนต์รุ่น Model 3 และ Model Y ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564

ในขณะเดียวกัน เทสลารายงานว่าได้ส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าจำนวน 343,000 คันในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 365,000 คัน โดยมีการส่งมอบ Model 3 และ Model Y รวม 325,000 คัน ส่วน Model X และ Model S มียอดส่งมอบรวม 18,000 คัน เป้าหมายการผลิต Model Y และ Model 3 ของเทสลาในไตรมาสที่ 4 นี้อยู่ที่ประมาณ 495,000 คัน

​

​

​

​

​