จนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ Kia ครองอันดับ 1 ในยอดขายสะสมในประเทศเกาหลีใต้ตามประเภทรถยนต์ โดยเฉพาะในกลุ่ม SUV บริษัทคาดว่าจะเพิ่มยอดขายในตลาดรถยนต์ซีดานในประเทศด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของ K5 ซีดานขนาดกลางและ K3 ซีดานขนาดเล็ก

รุ่นปรับโฉม K5 ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรุ่นเดิมที่มีคุณภาพสูง โดยนำเอาดีไซน์ล่าสุดของตระกูล Kia มาใช้ และคาดว่าจะมีการปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น

ด้านหน้าจะมีไฟ DRL แบบ Signature Star Map Lighting รูปตัว Z พร้อมไฟรูปตัว ㄱ เพิ่มเติม และกระจังหน้าลายรังผึ้ง ไฟท้ายแบบ Connected จะได้รับการออกแบบใหม่ให้ยาวลงมาที่ปลายทั้งสองด้าน พร้อมกับดิฟฟิวเซอร์และการ์นิชที่ได้รับการออกแบบใหม่

ด้านข้างจะมีล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ที่แตกต่างจากรุ่นเดิม ภายในห้องโดยสารจะติดตั้งจอแสดงผลแบบโค้งที่เชื่อมต่อกับหน้าปัดดิจิทัล พร้อมพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกใหม่ๆ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับรถยนต์รุ่นนี้

คาดว่าระบบขับเคลื่อนจะยังคงเป็นไปตามรุ่นปัจจุบัน แต่อาจมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และเพิ่มระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าสำหรับรุ่นไฮบริด โดยอาจมีการติดตั้งแบตเตอรี่ความหนาแน่นสูง

เครื่องยนต์ที่มีให้เลือกได้แก่ เบนซิน 1.6 ลิตรเทอร์โบ, เบนซิน 2.0 ลิตร, K5 ไฮบริด 2.0 ลิตร และ LPi 2.0 ลิตร คาดว่าราคาของ K5 รุ่นปรับโฉมจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับปรุงด้านดีไซน์และคุณภาพ โดยอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5 ล้านวอน (ประมาณ 81,000-135,000 บาท) ตามแต่ละรุ่นย่อย

ราคาขายของ K5 รุ่นปัจจุบันอยู่ที่ 24.18-33.08 ล้านวอน (ประมาณ 653,000-893,000 บาท) แม้จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ก็ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับ Sonata The Edge ที่มีราคา 28.08-39.17 ล้านวอน (ประมาณ 758,000-1,058,000 บาท) คาดว่าทั้งสองรุ่นจะมีการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดเกาหลีใต้

ยอดขาย K5 ในตลาดเกาหลีใต้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนปีนี้อยู่ที่ประมาณ 24,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่ายังไม่มีการประกาศวันเปิดตัว K5 รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศเกาหลีใต้เดือนหน้า และตามมาด้วยการเปิดตัวในยุโรปและสหรัฐอเมริกาตามลำดับ

มีความสนใจเกี่ยวกับการนำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาใช้กับรุ่น GT เครื่องยนต์เทอร์โบ 2.5 ลิตรในการปรับโฉมครั้งนี้

​