เคียกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Seltos ในเดือนมกราคม 2026 โดยล่าสุดมีการพบเห็นรถทดสอบในสภาพอากาศหนาวจัดที่ขั้วโลกเหนือ รูปลักษณ์ภายนอกมีความคล้ายคลึงกับ Telluride รถ SUV ขนาดใหญ่สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ และรถกระบะ Tasman ที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยมีด้านหน้าและรูปทรงโดยรวมที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม
สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่ารถทดสอบคันนี้เป็น Seltos รุ่นใหม่ ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนไฮบริดและตัวเลือกระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-AWD) เคียมีแผนที่จะเพิ่มรุ่นไฟฟ้าให้กับรถ SUV และ RV ทั้ง 5 รุ่นที่จำหน่ายในเกาหลี โดย Seltos ไฮบริดรุ่นใหม่จะเป็นหนึ่งในนั้น
การเปิดตัว Seltos ไฮบริดดูเหมือนจะเป็นการตอบสนองต่อความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลงชั่วคราว Seltos ไฮบริดจะพัฒนาบนพื้นฐานของ Seltos รุ่นใหม่ SP3 และคาดว่าจะเริ่มผลิตที่โรงงาน Kia Autoland Gwangju ในเดือนสิงหาคม 2026
Seltos ที่เปิดตัวในปี 2019 มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล แต่เนื่องจากความต้องการรถยนต์ดีเซลลดลง ปัจจุบันจึงมีเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น Seltos ไฮบริดรุ่นใหม่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
คาดว่า Seltos รุ่นใหม่จะมีสองรุ่นคือเครื่องยนต์เบนซินและไฮบริด โดยรุ่นไฮบริดมีแนวโน้มสูงที่จะใช้ระบบไฮบริดขนาด 1.6 ลิตรเช่นเดียวกับที่ใช้ใน Hyundai Kona ไฮบริดและ Kia Niro ซึ่งให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า
Seltos ไฮบริดรุ่นใหม่คาดว่าจะแข่งขันกับ Hyundai Kona แม้ว่าจะมี Niro ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า Seltos 35 มม. อยู่ในไลน์อัพอยู่แล้ว ทำให้อาจเกิดการแย่งส่วนแบ่งตลาดระหว่าง Niro และ Seltos
เคียกำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-AWD) สำหรับ Seltos ไฮบริด โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดยุโรป คาดว่าจะมีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเดิม ซึ่งจะเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการรถที่รองรับสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย
การเปิดตัว Seltos ไฮบริดคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด SUV ขนาดเล็ก Seltos ซึ่งครองอันดับหนึ่งในตลาด SUV ขนาดเล็กในเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถที่มีความคุ้มค่าสูง
แม้ว่าราคาของ Seltos ไฮบริดรุ่นใหม่ยังไม่ได้เปิดเผย แต่คาดว่าจะเริ่มต้นที่ราคาระหว่าง 29 ล้านถึง 34 ล้านวอน (ประมาณ 773,000 ถึง 907,000 บาท หรือ 22,000 ถึง 25,800 USD)