บริษัทฮุนไดได้สร้างโมเดลคอนเซ็ปต์ที่ชื่อว่า 'เฮอริเทจ ซีรีส์ แกรนเซอร์' เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีของการเปิดตัวรถเก๋งรุ่นเรือธงอย่างแกรนเซอร์

หลังจากใช้เวลาทำงานเป็นเวลา 8 เดือนตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว แกรนเซอร์ เฮอริเทจได้มอบความทรงจำและความรู้สึกอันซาบซึ้งให้กับผู้บริโภคที่จำได้ถึงแกรนเซอร์รุ่นแรก ในขณะเดียวกันก็ส่งมอบเสน่ห์อันศักดิ์สิทธิ์ของ 'เรโทรฟิวเจอรีสซึ่ม' ให้กับคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับแกรนเซอร์รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกระจังหน้าแบบพาราเมตริก

​

​

​

แกรนเซอร์ เฮอริเทจรักษาการออกแบบตัวถังที่เรียบง่ายของแกรนเซอร์รุ่นแรกไว้ ขณะเดียวกันก็ออกแบบใหม่ในส่วนของไฟเลี้ยวแบบพิกเซล กระจังหน้า ล้อ กระจกมองข้าง และมอลด์

แกรนเซอร์ เฮอริเทจติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ประกอบด้วยแบตเตอรี่และมอเตอร์แทนเครื่องยนต์สันดาป

โดยนำเสนอความงามที่เรียบง่ายในรูปแบบที่มีเส้นตรง พร้อมกับการตีความใหม่ของการตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึกหรูหราผ่านเทคโนโลยีในปัจจุบัน

​

​

ที่นั่งของแกรนเซอร์ เฮอริเทจเป็นวัสดุสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างแกรนเซอร์รุ่นแรกและแกรนเซอร์ในซีรีส์เฮอริเทจ

ผ้าไหมเป็นวัสดุที่ไม่ค่อยใช้ในรถยนต์สมัยใหม่ แต่ในช่วงเวลาที่แกรนเซอร์รุ่นแรกวางจำหน่าย วัสดุนี้ถือว่าเป็นวัสดุระดับสูงเหมือนกับอัลคันทาร่าหรือหนังนาปา

ที่นั่งที่หุ้มด้วยหนังด้านนอกเพื่อเพิ่มความหรูหรามอบความสะดวกสบายและสัมผัสที่นุ่มนวลด้วยวัสดุผ้าไหม

การใช้วัสดุที่แตกต่างกันในชิ้นส่วนเดียวกันนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการตกแต่งประตูของแกรนเซอร์รุ่นแรกที่ใช้ผ้าไหมและผ้า

​

​

หน้าจอดิจิทัลที่ด้านล่างของคอนโซลกลางยังรองรับฟังก์ชันความบันเทิงที่น่าสนใจ

ฟังก์ชันเปียโนดิจิทัลช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงภายในรถได้

นี่คือผลงานที่เสร็จสมบูรณ์จากการร่วมมือกับบริษัทซัมอิก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความจริงที่ว่า ศิลปินชื่อดังหลายคนมักจะทำเพลงในรถแทนที่จะอยู่ในสตูดิโอ

ในช่วงที่โควิด-19 ทำให้ผู้คนใช้เวลาอยู่ในรถมากขึ้น นี่จึงเป็นแนวคิดที่สนับสนุนประสบการณ์การใช้รถที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

​

​

คำสำคัญของแกรนเซอร์ เฮอริเทจคือ 'แสง'

แสงที่เริ่มจากขอบด้านซ้ายและขวาของแดชบอร์ดทะลุผ่านเสา B เพื่อส่องสว่างภายในรถเป็นจุดเด่นของโมเดลคอนเซ็ปต์นี้

การไหลของแสงที่มาถึงตำแหน่งของลำโพงจะเผยให้เห็นรูปทรงของหน่วยลำโพง ทำให้ผู้โดยสารได้รับความเพลิดเพลินทางสายตา

​

​

แสงไฟที่สวยงามบนเพดานใช้ประโยชน์จากเอฟเฟกต์การสะท้อนแสงผ่านกระจกคู่ขนานที่เรียกว่า 'กระจกอินฟินิตี้' เพื่อเพิ่มความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์

มันทำให้เกิดความรู้สึกของพื้นที่ที่ไม่สิ้นสุดเหนือศีรษะและทำให้ภายในดูมีขนาดกว้างขึ้น

นอกจากนี้ ขอบของโมดูลไฟยังตกแต่งด้วยแสงสว่างที่นุ่มนวลและวัสดุไม้เพื่อเพิ่มความหรูหรา

แสงสีบรอนซ์ที่เติมเต็มภายในรถนั้นมีสีสันเรโทรที่พบเห็นได้ทั่วไปในออดิโอวินเทจที่ใช้หลอดสุญญากาศ

สร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์

​

​

ซีรีส์เฮอริเทจจะมีการขยายเพิ่มเติมในอนาคตด้วย 'เฮอริเทจ ซีรีส์ กัลโลเปอร์'

​

​